GranMonte หนึ่งวันสุดชิล แอนด์ฟีลกู้ดในไร่องุ่นกรานมอนเต้

ชิลวนไป ที่ GranMonte Vineyard and Winery หนึ่งวันสุดชิล แอนด์ฟีลกู้ด กิน เที่ยว เตร็ดเตร่ ถ่ายรูป ในไร่องุ่นกรานมอนเต้ เขาใหญ่ หนึ่งวันสุขสันต์ ทั้งกิน ทั้งเที่ยว

GranMonte Vineyard and Winery หนึ่งวันสุดชิล แอนด์ฟีลกู้ด กิน เที่ยว เตร็ดเตร่ ถ่ายรูป ในไร่องุ่นกรานมอนเต้ เขาใหญ่

ก่อนวันหยุดจะผ่านพ้นไป แพนด้า ขอเก็บตกความชิลมาให้เพื่อนๆ ได้ ชิลวนไป กันที่ไร่องุ่น GranMonte Vineyard and Winery เขาใหญ่ หนึ่งวันสุขสันต์ ทั้งกิน ทั้งเที่ยว แถมยังได้ร่วมแข่งเก็บองุ่นในเทศกาลประจำปี GranMonte’s Harvest Festival 2019 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ แฮปปี้สุดๆ ไปเลยค่ะ

ออกจากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่ไร่องุ่นกรานมอนเต้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเรา งานนี้ขอเริ่มต้นทริปด้วยการเติมพลังให้ท้องอิ่มกันก่อน กับ Harvest Month Set Menu เซ็ตอาหารฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นไวน์ ซึ่งจะมีเมนูเรียกน้ำย่อย คาว หวาน เสิร์ฟให้ทานอย่างครบครัน

มุ่งหน้าตรงเข้าสู่ห้องอาหารอย่างไม่ต้องลังเล

เมนูที่เราจะได้ทานกันในวันนี้

บรรยากาศในห้องอาหาร

เมื่อมาถึงก็จะมีขนมปังนุ่มๆ ร้อนๆ พร้อมเนยหอมๆ มาเสิร์ฟให้ทานเล่นก่อน ระหว่างรอ

บนโต๊ะจะมีน้ำมันมะกอก Oliva Dip และเกลือไวน์สีสันสดใสวางรอไว้ต้อนรับ

หน้าตาเกลือไวน์ ซึ่งทำจากไวน์คาแบร์เน่ต์โซวิญอง ไม่มีแอลกอฮอล์ ถ้าใครชิมแล้วติดใจเค้าก็มีขายให้ซื้อติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านได้นะคะ

เอามาโรยบางๆ บนเนยจืดที่ทาลงบนขนมปังเนื้อนุ่ม รับประทานขณะกำลังอุ่นๆ อื้มมม ฟินสุด ณ จุดนี้

ระหว่างนี้ก็จัดน้ำองุ่นแท้ 100% สด อร่อย รสชาติเข้มข้น ที่แช่มาแบบเย็นจัด ดื่มขจัดความกระหายให้ชื่นใจสุดๆ ไปเลย

เมนู Appetizer จานแรกเป็น สลัดไก่อบ ผักสดๆ กับไก่อบนุ่มๆ ในซอสบัลซามิก เลิศเลอ

จากนั้นก็ได้เวลาอาหารจานหลัก ก็จะเสิร์ฟตามเมนูที่เราเลือกไว้ ซึ่งจานนี้เป็น ซี่โครงวัว อบไวน์แดง ก็เลยต้องจิบไวน์แดงตามสวยๆ อิอิ

เนื้อ กับไวน์ มันเป็นของคู่กัน มิอาจพรากจาก

ถ้าใครไม่ทานเนื้อ ก็สามารถเลือกเมนู ปลาแซลมอนหมักซอสมิโซ ได้

เมื่อจานบนนำพา สิ่งที่ตามมาก็เลยต้องเป็นไวน์ขาวสิคะ อะ…ซะหน่อย ชนๆ

ปิดท้ายเมนูขนมหวาน เป็น พานนาคอตต้าองุ่นสด การันตีความสด…สดๆ จากไร่องุ่นไปเลยจ้า

อิ่มแล้วก็ออกมาเดินย่อยกันซะหน่อย บริเวณด้านหน้าจะมีดนตรีสดให้ฟังเพลินๆ แล้ะถ้าใครชื่นชอบรถหรู รถโบราณ ก็สามารถเดินชม เดินแชะ ถ่ายรูปคู่รถคันโปรดได้อย่างสบายอารมณ์สุดๆ ไปเลยล่ะ

ก่อนจะถึงเวลาแข่งเก็บองุ่น เราแวะไปชมคาเฟ่ และเลือกช้อปของกิน ของฝากเพลินๆ กันก่อนดีกว่า

เข้ามาปุ๊บ เหล่าแฟนพันธุ์แท้และผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ ก็จะตื่นตา กระชุ่มกระชวยเป็นพิเศษ มากมายหลากหลาย พร้อมรางวัลการันตีมากมายอีกต่างหาก

แต่ถ้าใครไม่ใช่สายแอลฯ ก็มาชาร์จความสดใสกับน้ำผลไม้ และกาแฟสดมุมนี้กันได้จ้า

สารพัดจะแยม ไม่ได้มีแค่แยมองุ่น แยมมะเฟือง แยมสตรอเบอร์รี่ก็มาค่ะ

หรือจะองุ่นสดเพียวๆ ไปเลยก็ได้

และแล้วก็ได้เวลาเข้าสู่เทศกาลเก็บองุ่นไวน์ที่แท้ทรู ก่อนจะเริ่มการแข่งขันก็จะมีพิธีเปิด มีการแนะนำ และบอกกติกาการตัดองุ่น และของรางวัลกันก่อน ระหว่างนี้ก็มีอาหารว่าง และเครื่องดื่มไว้คอยบริการ ทั้งแอลฯ และไม่แอลฯ ไม่ต้องกลัวคอแห้งจ้า

องุ่นพวงโตมาก และนี่คือสิ่งที่เราต้องตัดให้ได้มากที่สุด หนักที่สุด ที่สำคัญคือ ห้ามตัดใบเป็นอันขาด!

ผู้ชมและผู้เข้าแข่งขัน ก็เดินสำรวจไร่องุ่นกันอย่างคึกคัก

นี่ๆ ต้องตัดอย่างนี้นะคะ ชับ ชับ ชับ ตัดองุ่นนะ อย่าตัดนิ้วตัวเอง แหม่…แข่งตัดภายใน 5 นาที ก็เฉียดนิ้วไป เฉียดนิ้วมาอยู่หลายรอบ เป็นกิจกรรมที่เรียกทั้งเหงื่อ และความตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน

ปล.ห้ามใส่ผ้ากันเปื้อนทับเสื้อกันหนาว/เสื้อวอร์มแขนยาว ก็จะทำให้คุณแลดูบวม(มากกว่าเดิม)เป็นพิเศษ แงๆ แม่จ๋า ไม่มีใครเตือนหนูเลย

คนนึงตัด คนนึงเก็บ จะตัดใบเค้ามาแบบนี้ไม่ได้นะคะ (อันนี้ภาพตัวอย่างของคนอื่นค่าาา) ปีนี้คู่เราก็ทำกันไปได้ 16 กิโลกว่าๆ คนชนะตัดได้ 24.6 กก. นี่สัญญาว่าถ้าไปคราวหน้า จะต้องทำสถิติใหม่อย่างน้อย 20 กิโลฯ I can do it! ฮึบๆ พลังจงมาค่าา!!

ใช้พลังงานหนักไปหน่อย ก็เลยมาจัดหนักกันต่อช่วงดินเนอร์ ฮ่าาา ทานกันตรงนี้เลย ได้ความชิลและความธรรมชาติมากๆ ขณะเดียวกัน บางท่านก็อาจได้ความกรึ่มๆ มาร่วมด้วย อิอิ

อ้อ นอกจากกิจกรรมแข่งเก็บองุ่นแล้ว เค้ามีแข่งดื่มไวน์กันด้วยนะคะ เผื่อใครสนใจ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วปีหน้าไปสมัครแข่งได้เลย