MACAU DAY2 : หามุมชิคถ่ายรูป เหมือนอยู่ในสตูดิโอมาเก๊า

MACAU DAY2 : หามุมชิคถ่ายรูป เหมือนอยู่ในสตูดิโอมาเก๊า
เปิดทริปตะลอนมาเก๊าย่างเข้าสู่วันที่ 2 วันนี้มีภารกิจเบาๆ เข้าร่วมงานสัมมนา 50 BEST TALKS ที่โรงแรงวินน์ มาเก๊า (WYNN MACAU) วันนี้เราก็เลยจะเน้นทริปเบาๆ ถ่ายรูป ไหว้พระ ทานเมนูอร่อยอยู่ละแวกใกล้ๆ โรงแรม แล้วค่อยไปจบด้วยแสงสีที่ฝั่งวินน์ พาเลซ บอกเลยว่าถึงทริปจะเบา แต่การหาที่ถ่ายรูปของพวกเรานั้นไม่ค่อยเบาเท่าไหร่ ฮ่าาา

อ่านตอนที่ 1
MACAU DAY1 : เปิดทริปตะลอนมาเก๊าวันแรก ภาษาอังกฤษง่อยงบน้อยก็เที่ยวได้

Highlight of our trip in MACAU day 2
– 50 BEST TALKS : ร่วมงานสัมมนา 50 Best Talks ที่โรงแรมวินน์ มาเก๊า
– ทานมื้อกลางวันที่ IL Teatre
– MGM : ได้เวลาแชะชิลๆ กันแล้ว
– KUN IAM STATUE : เสริมสิริมงคล ขอพรรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางทะเลมาเก๊า
– DINNER สไตล์จีน ที่ห้องอาหารจีน WING LEI
– นั่งกระเช้าชมวิวมาเก๊าย่ำค่ำ และระบำน้ำพุ

หนีห่าว ทักทายแบบจีนๆ หากยังจำกันได้ คืนแรกที่มาเก๊า เราได้รับการต้อนรับแบบจัดหนักกับมื้อค่ำอลังการงานสร้าง อิ่มยันเช้า (คลิกเพื่ออ่านตอนที่แล้ว)  วันที่ 2 ในมาเก๊า หมีเลยขอบายมื้อเช้าไปก่อน เพราะกลัวจะต่อมื้อเที่ยงไม่ไหว พอตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็พากันไปขึ้นรถ Shuttle Bus ข้ามไปยังโรงแรมวินน์ มาเก๊า เพื่อร่วมงาน 50 BEST TALKS

สำหรับงานนี้จะเป็นการพูดคุยกับบรรดาเชฟจากร้านอาหารทั่วเอเชีย มีการแนะนำวัตถุดิบเด่นของแต่ละประเทศ แขกที่มาร่วมงานก็มีทั้งเชฟ บล็อกเกอร์ นักข่าว ผู้ประกอบการร้านอาหารจากทั่วเอเชีย หมีรู้สึกเป็นเกียรติมากที่มีโอกาสได้รับเชิญมาร่วมงานใหญ่ยักษ์ระดับนี้ ซึ่งวันนี้ก็จะเป็นการทำความรู้จักกันก่อน ก่อนจะถึงวันประกาศผลรางวัล ASIA’S 50 BEST RESTAURANTS ในวันพรุ่งนี้

ในส่วนของการฟังก็ไม่ต้องห่วง ที่โต๊ะจะมีหูฟังให้ โดยจะแปลเป็น 2 ภาษาคือ จีน กับ อังกฤษ ก็เลือกภาษาที่ถนัดได้เลย

มางานเกี่ยวกับอาหารแน่นอนว่าไม่ได้ทอล์คอย่างเดียวแน่ๆ มันต้องมีการชิมกันบ้าง งานนี้ก็จะมาทั้งอาหาร และเครื่องดื่มสีสวยที่เผลอจิบเยอะมาเดินเซนะคะ ฮ่าาา

คุณค่ะ ช่วงเบรกนี่คือ ตกตะลึงแรง พี่เค้าจัดเต็มเมนูนับร้อยทั้งคาว – หวาน มาให้ชิมกันจนแน่นท้องเลยทีเดียวเจ้าค่ะ

เสร็จภารกิจจากงานทอล์คแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารกลางวันต่อ ซึ่งมื้อนี้ทางผู้จัดงานเตรียมอาหารมื้ออร่อยที่ห้องอาหาร IL TEATRE โรงแรมวินน์ มาเก๊า ไว้รับรองแขกทุกคนที่มา

มื้อนี้จะเป็นสไตล์คอกเทล ชิมไป คุยไป ทักทายกันไปเรื่อยๆ โดยมีอาหารอร่อยๆ มาเสิร์ฟไม่ขาดสาย

จานนี้คือเริ่ดมากกกกก น่าจะเนื้อวากิว (ไม่แน่ใจสัญชาติ) คือบับ…ละมุนละไม ละลายในปาก ฟินสุดๆ นี่ก็เลยจัดไปซะหลายจาน น่าจะประมาณ 5 – 6 ได้ ยังไม่รวมเมนูอื่นที่กินนะ เรียกว่าหลงความอร่อยไม่แคร์พุงออกกันเลยทีเดียว ฮ่าาา

โซนเบเกอรี่นี่คืออลังการได้อีก ตกแต่งชั้นวางแบบเก๋ๆ เป็นชุดราตรียาวสีทองสูงมาก ตรงนั้นที่เป็นกระโปรงจะมีขนมหลากหลายวางให้เลือกละลานตา ส่วนด้านบนก็จะมีสาวสวยตัวจริงเสียงจริงยืนต้อนรับทักทายอยู่ เสียดายถ่ายมาแบบย้อนแสง ของจริงในงานคือสีทองอร่ามโดดเด่นมากๆ ใครๆ ก็ต้องขอถ่ายรูป

เอาล่ะ อิ่มแล้ว ได้เวลาชิลของเรา วันนี้เลือกที่จะอยู่ย่านนี้ เพราะมื้อเย็นจองห้องอาหารที่วินน์ มาเก๊าไว้ เลยไม่ไปไกลมาก ออกมาตั้งหลักกันข้างหน้าโรงแรม มีโชว์ระบำน้ำพุพอดี

จบน้ำพุเดินต่อ ก็เลยมาลงเอยกันที่ MGM  ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน สามารถเดินมาได้ ภายในโรงแรมนี้ก็มีความโอ่อ่าไม่แพ้กันเลย ใครใคร่เล่นคาสิโนก็แวะเล่นได้ แต่อันนี้สายใสๆ กลัวเล่นแล้วไม่มีตังค์กลับบ้าน เลยขอไปหาอะไรชิลๆ ทำแทนดีกว่า

เดินพ้นประตูออกมาก็เจออะไรแบบนี้ เหมือนอยู่ในเทพนิยายเลย

น้องยีราฟต้นไม้ 2 ตัว ยืนคลอเคลียต้อนรับ

ณ จุดนี้งานถ่ายรูป(คน)ก็ต้องมาค่ะ คิดซะว่าโซนนี้เป็นสตูดิโอ(ฟรี) ที่เกิดมาเพื่อเรา 555

เป็นคนรักสัตว์ รักธรรมชาติ อ่อนโยน (งานแอ๊บก็ต้องมานิดนึง ฮ่าาา)

จริงๆ อยากจะถ่ายกับเจ้าปลาสีสวยเหล่านี้ แต่พอเดินเข้าไปใกล้เจ้าปลาน้อยก็ว่ายหนีหมดเลย ถ่ายแยกแล้วมามโนว่าทักทายกันอยู่แล้วกันนะ อิอิ

นี่ก็จิตนาการว่าเป็นเจ้าหญิงนั่งสะบัดบ๊อบ ทำผมพลิ้ว รอเจ้าชายรูปงามวิ่งลงจากปราสาทมาหา หรือจะเรียกว่าท่านั่งรอบุพเพสันนิวาสก็ได้ ปล.นี่เป็นเคล็ดลับการนั่งอย่างไรให้ไม่กลม(มาก) กรุณาใส่กระโปรงพลิ้วๆ นั่งทิ้งตัว ยืดขาไปข้างหน้า ให้ดูเหมือนกระโปรงปลิวสไว ไม่ใช่เราตัวใหญ่ แต่พอยืนเมื่อไหร่ก็คืนร่างล่ะ 555

นี่ก็ฟีลลิ่งว่า เจ้าชายรูปงามมากหน้าหลายตามายืนเพรียกหาอยู่ที่เชิงบันไดชั้นล่าง เจ้าหญิง(ในมโน) เลยยิ้มกว้างด้วยความยินดี รีบวิ่งปรี่ลงมาหาด้วยหัวใจพองโต แต่ครั้นจะไปหาถึงตัวเลยก็จะไม่งาม เลยขอพักกลางทาง ส่งสายตาเบาๆ ให้เจ้าชายใจสั่นรำพรรณหาพอเป็นพิธี

ก็ถ่ายรูปกันอยู่ย่านนี้ วิ่งไปวิ่งมา มีหลายจุดให้เสริมความชิล ถ่ายรูปเช็คอินมาอวดเพื่อน ชอบแนวไหน คิดสไตล์ คิดท่า แล้วไปจัดความเก๋อวดชาวมาเก๊ากันได้เลย
อะ…สถานีต่อมา Kun Iam Statue หรือ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่สร้างอยู่กลางทะเล พอดีเดินออกมาด้านหลังโรงแรม (โซนที่ติดทะเล) แล้วมองเห็นเจ้าแม่กวนอิมตั้งตระหง่านมาแต่ไกล ก็เลยตัดสินใจค่อยๆ เดินกันไป ใช้เวลาสักพักก็มาถึงที่หมาย บนพื้นทางเข้าจะมีลายเป็นเลข 8 แนวนอน หรือ อินฟินิตี้ น่าจะหมายถึงการประทานพรและความสุขให้แก่คนที่มาไหว้ขอพรท่าน เป็นความสุขอย่างไม่มีที่ที่สุด

ตอนแรกก็ว่า ทำไมไม่ยืนไหว้จากตอนที่เห็นมาเลย ทำไมเราต้องดั้นด้นกันมาถึงองค์จริงด้วย พอมาถึงแล้วก็ร้องอ๋อ เค้ามีวิธีการไหว้ขอพรอย่างถูกต้อง คือต้องยืนตรงกลางวงกลม หันหน้าเข้าหาองค์เจ้าแม่กวนอิม แล้วค่อยไหว้ขอพร

ด้านในโดม ที่ทำเป็นรูปฐานดอกบัวจะเป็นคล้ายๆ พิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม จัดแสดงข้อมูล เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิม ออกมาด้านหลังก็เจอน้ำ เก็บภาพบรรยากาศริมน้ำสักหน่อยสิคะ จะรออะไร

มาค่ะ ได้เวลาต้องกลับโรงแรมแล้ว เพราะก่อนดินเนอร์มื้อค่ำ เรามีนัดดริ้งค์เบาๆ ที่ CINNEBAR ก็นั่งกันชิลๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ มีแอลบ้าง ปลอดแอลบ้าง ไสย…ไสย (ไม้ ไ. ถูกแล้ว 555)

แก้วนี้เป็นสาเกสับปะรด ก็อร่อยแปลกๆ ดี บนโต๊ะจะมีพวกสแนคมาให้กินเล่นกล้อมแกล้มด้วย เป็นถั่วทอด มันฝรั่งทอด กับทูน่ารมควัน เป็นสูตรเฉพาะของที่นี่เลย เหมือนจะได้รางวัลมิชลินอะไรมาด้วย นี่ก็ไม่ได้มึนอะไรจริงๆ ตอนนั้น แค่เริ่มเบลอๆ นิดหน่อย

ดริ้งค์เสร็จก็เลยต้องเดินย่อยหน่อย นี่คือท่าเดินชมสวนปกติเหมือนตอนอยู่ที่บ้าน จริงจริ๊ง (ที่เหม่อมองฟ้า ฮ๊า ห่า ฮ๊า ฮา ก็แค่ดูว่าฝนจะตกมั้ย ครึ้มมาทั้งวัน กลัวใจฟ้ามาเก๊า)

ย่อยเสร็จก็ได้เวลาเพิ่มพลังพุงต่อ รอบนี้เราจองห้องอาหารจีน WING LEI ไว้ ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆ กัน เดินแป๊บเดียวก็ถึง

สไตล์การตกแต่งห้องอาหารก็เป็นแนวจีนๆ ใช้โทนสีเหลืองทอง มีความสวยแพง

การสั่งน้ำอัดลมที่นี่ ยอมรับว่าติดการเรียกน้ำอัดลมจากโรงแรมเมืองไทยว่า Solf Drink เมื่อกลางวันถามพนักงานว่ามีซอฟท์ดริ้งค์มั้ย เค้าบอกเดี๋ยวไปดูให้ แล้วก็กลับมาบอกว่าไม่มี มีน้ำเปล่า กับ Sparkling Water แล้วก็พวกแอลกอฮอล์เลย แต่สักพัก อ้าว มีโค้กว่ะเฮ้ยยย มามื้อเย็นเลยฉลาดแล้ว ขอโคล่าแก้วนึงค่ะ ได้กินแล้วจ้า ชื่นใจ นอกจากนี้ยังมีความลังเล เพื่อนสั่งชา เออ…ชาก็อยากกิน สุดท้ายได้มา 3 แก้ว โค้ก ชา น้ำเปล่า จะอิ่มน้ำก่อนมั้ยว๊า คือน้องพนักงานก็น่ารัก เห็นเราเลือกไม่ถูก เลยบอกว่าเดี๋ยวหนูจัดให้ทั้ง 3 แก้วไปเลยค๊าาา

อาหารของเรามื้อนี้ เริ่มกันด้วย
Wing Lei Heen Secialty เป็นจานที่เสิร์ฟมา 4 คำ 4 อย่างในจานเดียว ทั้งหอยสไลด์ หมูกรอบ หมูแดง โรลเห็ด
(Chilled sliced abalone, Barbecued Iberico Pata Negro Pork, Crispy roasted pork belly, Smoked bean curd skin rolls with mushroom and carrot)

Tea smoked crispy chicken ไก่หนังกรอบ นี่เห็นตอนแรกก็นึกว่าเป็ดซะอีก

เมนูที่ 3 มาเบาๆ เคล้าความฟิน Steamed cod fish roll with crab meat crab roe and egg white เป็นโรลปลาคอดนึ่ง ที่มากับความฉ่ำของซอสเนื้อปู+ไข่ และเพิ่มความกลมกล่อมด้วยไข่ขาวอีกที จานนี้ถ้ายกซดได้เจ๊ทำไปแล้ว

ตามติดมาด้วย เนื้อวัวทอดกรอบ กับหอยเชลล์ชิ้นบะฮึ่มเลย ชื่ออย่างเป็นทางการของเมนูนี้คือ Crispy Sliced Beef and Fresh Scallop with minced salty fish ตัวซอสที่เคลือบมากับหอยจะมันไปสักหน่อย ถ้าใครไม่ชอบมันๆ ก็อาจจะรู้สึกเลี่ยนนิดนึง

มาถึงเมนูขนมหวานละจ้า มื้อนี้เบาๆ โอเค อิ่มแบบกำลังดี ไม่ฮาร์ดคอร์เหมือนเมื่อคืน สำหรับเมนูตบท้ายนี่มาแบบอลังการสุด จานใหญ่กว่าเมนูคาวอีกมั้ยน่ะ 55
Wing Lei Heen Sweet Memories : ก็จะมีเครมบรูเล่ ที่ใส่น้ำมะพร้าวลงไปด้วย วุ้นดอกไม้ พัฟฟ์ผลไม้ และผลไม้ตามฤดูกาลของเค้า (Baked creme brulee with young coconut juice, Fresh fruit pudding, Baked puff with seasonal fruit Seasonal fress fruit)

ส่งท้ายความอร่อยที่ห้องอาหารนี้ด้วยการทดลองสั่งเก๊กฮวยเป็นภาษีจีน เพื่อนบอกให้พูดว่า ฉิง จื่อ ฮัว ฉะ พนักงานฟังอย่างมึน อีนี่พูดอาราย ไม่เข้าจาย แต่สุดท้ายก็ได้กินน่า (มีเพื่อนช่วยแปลจีนปลอมเป็นจีนจริงให้อีกที 555)

เอาล่ะ อิ่มแล้ว กลับที่พักได้ เราก็นั่ง Shuttle Bus จากวินน์ มาเก๊า กลับมายัง วินน์ พาเลซ เหมือนเดิม แสงสียามค่ำคืนของมาเก๊านี่ก็ตระการตาใช้ได้เลย

บนรถมีฟรี มีฟรีไวไฟ นะจ๊ะ ใช้ได้

คิดว่ากลับมาดึกดื่นป่านนี้จะตรงเข้าห้องนอนเลยเหรอคะ ไม่ค่ะ ร่างยังไม่พังเราจะยังไม่หยุดเดิน คุณได้ไปต่อ!! เห็นประตูทางเข้านั้นมั้ยคะ เดาสิคะว่าเราจะไปไหนกัน ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก

เฉลย…ยยย เรามารอขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพไง ไม่ช่าย นี่เป็นทางมาขึ้นกระเช้าชมวิว ซึ่งที่โรงแรมมีกระเช้าไว้บริการลูกค้าและนักท่องเที่ยวค่ะ รอบสุดท้ายนี่ก็ประมาณ 5 ทุ่มกว่าได้ เพราะเรามาก็ดึกพอสมควรแล้ว

พอนั่งจริงๆ แป๊บเดียวเอง ฮ่าาา เลยมองหน้ากันว่า เอาอีกสักรอบแล้วกัน ยังไม่ทันตั้งตัว

ด้านล่าง (หน้าโรงแรม) จะมีโชว์ระบำน้ำพุ อย่างต่อเนื่อง ดูตอนกลางคืนจะมีสีสันสวยงาม นั่งกระเช้ามาลงที่ด้านหน้าโรงแรมเพื่อยืนชมน้ำพุก่อนได้ ดูเสร็จค่อยนั่งกระเช้าใหม่กลับขึ้นมา ซึ่งตัวกระเช้าจะดรอปรับคน 2 จุด คือบริเวณชั้น 2 (ที่เราเข้ามาตอนแรก) กับชั้นล่าง (บริเวณหน้าโรงแรม)

วันนี้เป็นวันถ่ายรูป ก็นั่งเก็ก นั่งแอ๊บกันไป อุ๊ย!!! ไม่รู้ตัว แล้วคือกระเช้ามันสั่นอะ กลั้นหายใจถ่ายกันสุดฤทธิ์ ฮึบๆ ไม่ได้รูปเราไม่หยุด ฮ่าาา

อันนี้ก็มาถ่ายหน้าโรงแรม ถ่ายกับน้ำพุกันบ้าง จังหวะการถ่ายค่อนข้างจะอักเสบนิดหน่อย ไม่ได้ทันน้้ำพุเลย

วิวด้านบน มองลงมา เห็นสระว่ายน้ำโรงแรม สวยงาม พรุ่งนี้จะมีปาร์ตี้ริมสระตรงนี้แหละ จะเป็นยังไงเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังอีกทีนะ

กลับขึ้นห้องไปนอนได้แล้วค่ะ แต่ว่าาาา พอเปิดห้องมา ต๊กกะใจ กระเป๋าอะไรแดงๆ ละนั้นกล่องอะไร ก่อนออกไปเมื่อเช้ายังไม่มีเลย

พอเปิดออกมาปุ๊บ โอ้วแม่เจ้า!! พี่วินน์เค้าดูแลน้องดีมาก ขนม นม เนย ไม่ให้พร่อง รักสุด (แต่เคืองตรงเก็บช็อคโกแลตทรัฟเฟิลที่หัวเตียง ที่เราตั้งใจยังไม่กินเพื่อจะกินวันนี้ไปแล้ว ฮืออ แต่ไม่เป็นไร มีมาการองมาวางไว้แทน)

พร้อมด้วยมาการองอีกกล่องใหญ่ พี่วินน์บอกว่า ถ้าไม่บวมมากพอพี่เค้าไม่ให้กลับ นี่เลยต้องกินให้หมดตามหน้าที่ กลัวเค้าเสียน้ำใจ อิอิ

สำหรับทริปวันที่ 2 ก็จะชิลๆ หน่อย ไว้เดี๋ยววันที่ 3 ค่อยพาออกนอกสถานที่ พร้อมชมปาร์ตี้ งานประกาศผลรางวัล ASIA’S 50 BEST RESTAURANTS ไปด้วยกันนะ ส่วนใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 ก็ คลิกที่นี่ ตามไปอ่านได้เลยจ้า